เป็นเรื่องที่หลายคนสงสัย หลังมีการร่อนหนังสือว่าเด็กในสังกัดทยอยออกจากค่าย “นาดาว บางกอก” ทั้งด้วยเหตุผลของการไม่ต่อสัญญา และยกเลิกสัญญา จนเกิดคำถามว่ามีปัญหาอะไรในค่ายหรือเปล่า ล่าสุด “ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์” ผู้บริหารค่ายนาดาว ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้
“ยังปกติเหมือนเดิม นาดาวคือบ้าน จะเห็นว่าน้องๆ หลายคนโตมากับเรา พอน้องเรียนจบน้องก็อาจจะมีทิศทาง วิธีการ หรือการตัดสินใจรับงานต่างๆ มีคนดูแล มีวิธีการรับงานในแบบของตัวเอง รู้สึกดีใจที่น้องโตและมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง อยากจะออกมาดูตนเอง และด้วยความที่นาดาวเป็นบริษัทใหญ่ ก็จะดูแลศิลปินหลายๆ คน มันจะมีระบบระเบียบ มีแพทเทิร์นในแบบเดียวกัน อาจจะมีการปรับตามศิลปินบ้างแต่มันก็จะเป็นในหลักการของบริษัท การที่น้องๆ หลายๆ คนโตแล้ว เขาก็เริ่มมีความคิดเห็นที่เขาอยากจะดูแลในแบบตัวเขาเอง เขาก็เลยออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก แต่ทั้งหมดทั้งปวงเราก็ยังทำงานอยู่กับน้องได้หมดทุกคน อย่างกุ๊กไก่ที่ออกไปก็ยังมีโปรเจกต์อยู่กับเรา”

เด็ก ๆ ที่ออกมีปัญหาอะไรกับค่ายหรือเปล่า
“ไม่มีครับ ยังคุยกับน้องๆ เลยว่าถ้าน้องยังยินดีให้พี่ขายงานให้ ก็ยังจะขายงานให้น้องอยู่ เราก็ยังทำอย่างนั้นกันอยู่ มันอาจจะเป็นว่าพอน้องเลือกออกไปดูแลตัวเอง น้องบางคนอาจจะอยากทำธุรกิจส่วนตัว อยากมีพาร์ตอะไรที่เป็นส่วนตัว การดูแลตัวเองเขาเลยอยากจะขอแยกออกไป แต่การทำงานหลายๆ คนก็ยังฝากเราขายงานอยู่”
กฎของนาดาวเอื้อให้น้องๆ ออกไปทำงานนอกค่ายมากน้อยแค่ไหน
“อาจจะเป็นเรื่องของวิธีคิด การตัดสินใจในเรื่องของระบบงานมากกว่า เรามีการขายงานในเรตเท่านี้ ซึ่งในวงการขายงานเราอาจจะรู้สึกว่าต้องคงเรตนี้ไว้นะ เพราะถ้าเปลี่ยนมันอาจจะกลับมาอยู่จุดเดิมไม่ได้ อะไรพวกนี้มากกว่า ที่เมื่อถึงวันเวลาผ่านไป น้องเขาก็อาจจะปรับเปลี่ยนวิธีคิดตรงนี้ อาจจะอยากกลับไปตัดสินใจสิ่งนี้ด้วยตัวเอง

กับเรื่องคนดูแลที่เขาอาจจะอยากมีคนดูแลตลอดเวลาและโฟกัสที่เขา พอเป็นนาดาวเขาอาจจะมีผู้จัดการที่ต้องดูแลคนอื่นๆอีก 4-5 คน ก็โฟกัสได้ดีที่สุดในระดับนั้น แต่พอออกไปน้องอาจจะหาผู้จัดการที่ดูแล โฟกัสเขาได้คนเดียว ซึ่งแต่ละคนก็จะมีเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน
อย่างไมเคิล (ศิรชัช เจียรถาวร) ที่ออกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เขาอาจจะไม่ได้มีงานมาก แต่เขาอยากดูแลงานด้วยตัวเขาเอง มันทำให้เขามีเวลามากขึ้น จัดสรรชึวิตตัวเองได้มากขึ้น อย่างตอนนี้เรากำลังถ่ายซีรีส์ ไมเคิลก็มาเป็นช่างภาพนิ่งในกองถ่าย เราไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นอย่างไร แต่ที่นาดาว การที่น้องไม่ได้อยู่กับเราก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำงานกับน้องไม่ได้”
ได้มีการอธิบายในส่วนของการทำงานของค่ายเรื่องการพัฒนาน้อง ๆ ให้กับน้อง ๆ ฟังบ้างไหม
“เคยบอกเด็กๆ ในมุมของตัวเองไปแล้วว่าพวกพี่สามารถทำงานที่พัฒนาแล้วส่งน้องไปได้ในจุดที่เขาไปต่อด้วยตัวเองได้กันทุกคน คนไหนที่เราทำแล้วเราส่งเขาได้แล้ว เราก็จะมาสก์ไว้ ต้องเข้าใจว่านาดาวเป็นบริษัทพัฒนาศิลปิน เราทำให้น้องเป็นที่รู้จัก ฝึกน้องจนมีฝีมือมากพอ เราก็อยากให้เขาไปทำงานกับคนเก่งๆ ข้างนอก เวลาของพี่ๆ ก็จะไปพัฒนารุ่นน้องๆ ต่อ จนถึงจุดที่เขาแข็งแรงพอที่จะไปทำงานกับคนนอก เราก็ทำอย่างนี้ส่งไปเรื่อยๆ แต่ละคนก็จะมีงานที่หลากหลายแตกต่างกันไป ก็อาจจะเป็นที่ความสามารถของน้องแต่ละคน บุคลิกของน้องบางคนที่อาจจะรับงานได้หลากหลาย บางคนมีบุคลิกเฉพาะตัว รับงานได้ไม่หลากหลายเท่า บางคนมีงานเข้ามาเยอะนะ แต่น้องเลือกไม่รับ บางคนอยากโฟกัสกับการเรียน อยากรับงานที่เขาสนุกกับมันจริงๆ เพราะบางงานก็ใช้เวลาเยอะ”

